ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันจันทร์ (8 ก.ย.) นำโดยหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มธนาคาร ขณะที่การปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มสินค้าบริโภคพื้นฐานและเฮลท์แคร์ถ่วงตลาด
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดตลาดที่ระดับ 9,221.44 จุด เพิ่มขึ้น 13.23 จุด หรือ +0.14%
แรงหนุนสำคัญมาจากหุ้นกลุ่มธนาคารที่พุ่งขึ้น 1.1% โดยฟื้นตัวขึ้นหลังจากร่วงลงในวันศุกร์ โดยหุ้น Standard Chartered, NatWest และ Barclays ปรับตัวขึ้นนำตลาด
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่โลหะมีค่าขยับขึ้นตามราคาทองคำ โดยหุ้น Fresnillo พุ่งขึ้น 2.8% ขณะที่หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้น Rolls-Royce บวก 1.6%, หุ้น Experian เพิ่มขึ้น 1.5% และ หุ้น Ashtead ขยับขึ้น 1%
หุ้นกลุ่มสินค้าส่วนบุคคลพุ่งขึ้น 3.1% นำโดยหุ้น Burberry ที่ทะยานขึ้น 3.7%
ในทางกลับกัน หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ลดลง 1% โดยหุ้น AstraZeneca ร่วง 0.9% ขณะที่หุ้นกลุ่มประกันชีวิตลดลง 0.5% โดยถูกกดดันจากหุ้น Phoenix Group ที่ร่วงลง 7.6% หลังบริษัทระบุว่าจะรีแบรนด์เป็น Standard Life ในเดือนมี.ค. 2569 และรายงานว่ามูลค่าทางบัญชีลดลงมากกว่าที่คาดจากความผันผวนของตลาด
หุ้นกลุ่มเครื่องดื่มร่วง 2.4% โดยหุ้น Diageo ร่วงลง 3.6% ส่วนหุ้นสินค้าอุปโภคบริโภคบางรายปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้น Unilever ร่วง 1.5%
ด้านหุ้นรายตัวนั้น หุ้น Marks & Spencer พุ่งขึ้น 2.9% หลัง Citi ปรับคำแนะนำลงทุนจากถือเป็นซื้อ
หุ้น Vistry เพิ่มขึ้น 1.7% หลังลงนามความร่วมมือกับ Homes England หน่วยงานด้านที่อยู่อาศัยและการพัฒนาของรัฐบาลอังกฤษ เพื่อสร้างบ้านสำหรับชุมชน
ขณะเดียวกัน ผลสำรวจพบว่านายจ้างอังกฤษให้ข้อเสนอโบนัสและการขึ้นค่าจ้างในระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปีครึ่งในเดือนก.ค. และการจ้างงานยังคงชะลอตัว ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสะท้อนความกังวลของภาคธุรกิจต่อความเป็นไปได้ที่จะมีการขึ้นภาษีเพิ่มเติมในงบประมาณวันที่ 26 พ.ย.ที่ ราเชล รีฟส์ รัฐมนตรีคลังจะนำเสนอ
นอกจากนี้ HSBC และ Deutsche Bank ได้เลื่อนการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ออกไป โดยให้เหตุผลจากเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูงและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับกำหนดเวลาในการผ่อนคลายนโยบายการเงิน และตลาดคาดว่า BoE จะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในสัปดาห์หน้า