ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันอังคาร (30 ก.ย.) และปรับตัวรายไตรมาสดีที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2565 โดยได้แรงหนุนจากเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลง ซึ่งช่วยเพิ่มผลประกอบการให้กับบริษัทที่พึ่งพาการส่งออก
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดตลาดที่ระดับ 9,350.43 จุด เพิ่มขึ้น 50.59 จุด หรือ +0.54%
หุ้นกลุ่มกลาโหมเป็นแรงหนุนหลักในตลาด โดยหุ้น Melrose และหุ้น Rolls-Royce พุ่งขึ้นกว่า 2% หลังโบรกเกอร์ UBS ปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย
นักวิเคราะห์รายหนึ่งระบุว่า การอ่อนค่าของเงินปอนด์ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นปัจจัยช่วยหนุนตลาด นอกจากนี้ ดัชนี FTSE 100 ยังซื้อขายด้วยมูลค่าที่ถูกกว่าตลาดฝั่งสหรัฐฯ มาเป็นเวลาหลายปี ซึ่งอาจดึงดูดนักลงทุนที่มองหาหุ้นราคาถูก
อย่างไรก็ตาม ตลอดไตรมาสสาม ตลาดยังถูกกดดันจากสถานการณ์การคลังที่เปราะบางของสหราชอาณาจักร ซึ่งส่งผลให้พันธบัตรอังกฤษและค่าเงินปอนด์ร่วงลง ขณะที่หุ้นขนาดกลางที่เน้นธุรกิจในประเทศปรับตัวขึ้นน้อยกว่าดัชนี FTSE 100
ผู้กำหนดนโยบายกำลังพิจารณาทิศทางนโยบายการเงินท่ามกลางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและเงินเฟ้อที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง ภาคธุรกิจกังวลถึงความเป็นไปได้ของการขึ้นภาษีในงบประมาณเดือนพ.ย.ของรัฐบาลอังกฤษซึ่งต้องการอุดช่องว่างทางการคลัง
บรรดาหุ้นบริษัทพนันถูกกดดันจากความเสี่ยงดังกล่าว โดยหุ้น Evoke ร่วง 2.6% ขณะที่บริษัท ASOS เตือนว่ารายได้ทั้งปีจะต่ำกว่าที่ตลาดคาดเพราะอุปสงค์ผู้บริโภคอ่อนแอ ส่งผลให้หุ้นค้าปลีกแฟชั่นอังกฤษรายนี้ดิ่งลง 4.7% ส่วนหุ้น BT Group ลดลง 1.1% หลังโบรกเกอร์ New Street Research ปรับลดคำแนะนำจากซื้อเป็นถือ
ขณะเดียวกัน บรรยากาศการลงทุนทั่วโลกซบเซา เนื่องจากสหรัฐฯ กำลังเผชิญความเสี่ยงจากการปิดหน่วยงานรัฐบาล