1 สัปดาห์ก่อนหน้าที่การประชุมของพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะเปิดฉาก เจ้าหน้าที่อาวุโส นักปฏิรูปที่เกษียณแล้ว นักวิชาการ และเจ้าหน้าที่องค์การสหประชาชาติ ได้มารวมตัวกันเพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางการปฏิรูปของจีน
เหล่านักวิชาการได้มารวมตัวกันเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาที่เมืองไฮกุ เมืองหลวงของไห่หนาน ในการเปิดการประชุมนโยบายเศรษฐกิจของประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ปี 2556 (2013 Emerging Economies Economic Policy Forum) ในหัวข้อ การขยายตัว การเปลี่ยนแปลง และการปฏิรูป -- เศรษฐกิจเกิดใหม่ในทศวรรษหน้า "Growth, Transformation and Reform -- Emerging Economies in the Next Decade." ซึ่งเป็นประเด็นหลักที่ติดปากของทุกคนที่เข้าร่วมการประชุม
ฉี ฟูหลิน ประธานสถาบันการปฏิรูปและพัฒนาของจีน กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการขยายตัวจะเป็นบททดสอบครั้งสำคัญสำหรับการปฏิรูปที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และนี่คือเหตุผลที่ว่า ทำไมประชาชนถึงเฝ้ารอฟังข้อมูลการปฏิรูปครั้งสำคัญจาการประชุมคณะกรรมการการพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 18 ที่จะจัดขึ้นในสัปดาห์หน้า
ฉี กล่าวว่า รูปแบบการขยายตัวที่มีการลงทุนเป็นปัจจัยผลักดันของจีนนั้น ถือเป็นเรื่องยากที่จะควบคุม ไม่ใช้เพราะตลาดสหรัฐและยุโรปที่หดตัวและประสิทธืภาพการลงทุนที่ลดลงเท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญยิ่งกว่า เนื่องจากรูปแบบที่ได้รับการลงทุนผลักดันนั้นเกี่ยวพันกับการขยายขอบเขตของเศรษฐกิจตามเป้าหมายของการลงทุน ความสามารถในการผลิตโดยรวมในระยะยาว ดังนั้น จึงทำให้การลงทุนและการบริโภคไม่มีความสมดุลเป็นอย่างยิ่ง
ฉี กล่าวด้วยว่า กุญแจสู่การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจที่ประสบความสำเร็จผ่านการปฏิรูปต่างๆนั้น ขึ้นอยู่กับการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลและตลาด เพื่อที่จะกระตุ้นความมีชีวิตชีวาในตลาด
สำหรับรูปแบบของการขยายตัวที่ได้รับแรงผลักดันจากการแข่งขันในหมู่หน่วยงานรัฐบาลท้องถิ่นนั้น ฉี กล่าวว่า รูปแบบนี้จะค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปสู่ปัจจัยที่จะกำหนดรูปแบบการขยายตัว รวมทั้งรากฐานของการผลิตที่มากจนเกินไป ภาวะฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ และหนี้สินของรัฐบาลท้องถิ่น แม้ว่า รูปแบบการดำเนินการจะถูกออกแบบมาเพื่อสร้างแรงบันดาบใจให้กับโครงการริเริ่มต่างๆของรัฐบาลในระดับท้องถิ่น
นายฉียังได้แนะนำให้มีการจัดตั้งระบบการจัดเก็บภาษีระดับใจกลางและท้องถิ่นและระบบการคลัง เพื่อให้บริการสาธารณะที่ดีขึ้นกว่าเดิม และเรียกร้องให้มีการปฏิรูปในด้านต่างๆ เพื่อเปลี่ยนแปลงสิทธิด้านสัญญาที่ดินการเกษตรใหแป็นสิทธิที่แท้จริง และควบคุมพฤติกรรมของรัฐบาลท้องถิ่น
เปง เสน รองประธานคณะกรรมการการเงินและเศรษฐกิจของสภาประชาชนแห่งชาติ ซึ่งเป็นสภานิติบัญญิติของจีน ก็ได้แสดงความเห็นในทำนองเดียวกับนายฉีที่ว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนไม่จะไม่สามารถพึ่งพาการลงทุนและการส่งออกต่อไปได้
ในขณะที่เศรษฐกิจจีนเป็นเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั้น มีอัตราการขยายตัวที่ชะลอตัวลง สิ่งที่สำคัญไม่ใช่เรื่องการหดตัวลงแต่เป็นเรื่องของการเปลี่ยนแปลงเพื่อผลักดัน ซึ่งเหมือนกับการเปลี่ยนเกียร์ในขณะที่ขับรถ พร้อมกับแสดงความหวังว่า จีนจะสามารถรักษาระดับการขยายตัวไว้ที่ระดับประมาณ 7% ได้ในอีก 5-10 ปี
ข้อมูลอย่างเป็นทางการชี้ให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) อ่อนตัวลงมาอยู่ที่ 7.7% ในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี ซึ่งลดลงจากระดับการขยายตัวที่ตัวเลข 2 หลักในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
เปง กล่าวว่า แม้ว่าการใช้พลังงานของจีนจะคิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 12% ต่อจีดีพีโลก แต่ก็คิดเป็นสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของทั่วโลก
เปง กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่จำเป็นแม้ว่าจะเป็นสิ่งที่เจ็บปวดก็ตาม แต่ภารกิจที่ลำบากยากเข็ญจะสามารถลุล่วงได้จากการปฏิรูปและนวัตกรรมเท่านั้น
เปง ยังได้ระบุถึงระดับความสำคัญอีกหลายประเด็น ทั้งเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลและกำลังในตลาด การทบทวนระบบการกระจายภาษีที่ได้มีการใช้งานมาเป็นเวลาเกือบ 20 ปี และการบริหารในพื้นที่ชนบทและในเมืองที่นำไปสู่ช่องว่างระหว่างเกษตรกรและคนเมืองมากยิ่งขึ้น
ริชาร์ด เฮิร์ด หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของจีนประจำองค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ (OECD) กล่าวว่า จีนค่อนข้างจะเป็นประเทศที่ไม่เหมือนใครในแง่ของความสามารถในการเปลี่ยนแปลงรูปแบบที่ค่อนข้างจะเกิดขึ้นบ่อยครั้ง เมื่อรูปแบบการเปลี่ยนแปลงเริ่มที่จะมีปัญหา ก็จะมีการใช้รูปแบบใหม่เข้ามาด้วย
เฮิร์ดหวังว่า จีนจะสามารถคลี่คลายกฎเกณฑ์ทางการเงิน การเปิดกว้างทางเงินทุน แรงงานอพยพ ความมั่นคงทางสังคม การควบคุมการใช้จ่ายภายในท้องถิ่นจากหน่วยงานกลางที่มากจนเกินไป การปฏิรูปที่ดิน การควบคุมมลพิษ และการปฏิรูปทางสังคม
เฮิร์ด กล่าวว่า เราคงจะต้องรอจนถึงสัปดาห์หน้า สำนักข่าวซินหัวรายงาน