เบธ แฮมแมก ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาคลีฟแลนด์ เผยว่า เฟดยังไม่มีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปอีกหลายเดือน หลังจากปรับลดดอกเบี้ยติดต่อกันในการประชุม 3 ครั้งล่าสุด
รายงานระบุว่า แฮมแมกไม่เห็นด้วยกับการปรับลดดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากเธอกังวลเรื่องเงินเฟ้อที่ยังสูง มากกว่าความเปราะบางของตลาดแรงงาน ซึ่งประเด็นหลังนี้เองที่เป็นเหตุผลหลักให้เฟดตัดสินใจหั่นดอกเบี้ยรวม 0.75% ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
แฮมแมกให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเดอะ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล (WSJ) ว่า เฟดยังไม่จำเป็นต้องปรับอัตราดอกเบี้ย ซึ่งปัจจุบันอยู่ในกรอบ 3.53.75% อย่างน้อยจนถึงช่วงฤดูใบไม้ผลิของปีหน้า เพื่อรอประเมินทิศทางเศรษฐกิจได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
แฮมแมกชี้ว่า เมื่อถึงเวลานั้น มาตรการภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานอย่างเต็มที่ ซึ่งจะช่วยให้เฟดประเมินแรงกดดันด้านราคาสินค้าได้แม่นยำขึ้น
นอกจากนี้ แฮมแมกมองว่า ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย. ที่ระดับ 2.7% อาจสะท้อนอัตราเงินเฟ้อในรอบ 12 เดือนได้ต่ำกว่าความเป็นจริง เนื่องจากข้อมูลบางส่วนคลาดเคลื่อน
แฮมแมกย้ำว่า เฟดควรคงอัตราดอกเบี้ยในระดับปัจจุบันไปอีกระยะ จนกว่าจะมีสัญญาณชัดเจนว่าเงินเฟ้อกำลังลดลงสู่เป้าหมาย หรือตลาดแรงงานซบเซาลงอย่างเห็นได้ชัด
แม้แฮมแมกจะเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันใกล้ระดับที่เหมาะสมแล้ว แต่อาจต้องใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นอีกเล็กน้อย เพื่อกดดันให้เงินเฟ้อลดลงตามเป้า
ทั้งนี้ แฮมแมกจะมีสิทธิออกเสียงในคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) ในปีหน้า ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจด้านอัตราดอกเบี้ยและนโยบายการเงินของสหรัฐฯ