เวียดนามและสหรัฐฯ เริ่มการเจรจาระดับรัฐมนตรีโดยตรงเป็นครั้งแรกเมื่อวันศุกร์ (16 พ.ค.) เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้าที่สหรัฐฯ อาจจะเรียกเก็บจากสินค้านำเข้าจากเวียดนามในอัตราสูงถึง 46% ซึ่งอาจกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจของเวียดนามที่พึ่งพาการส่งออกไปยังสหรัฐฯ เป็นหลัก
กระทรวงพาณิชย์เวียดนามเปิดเผยว่า การเจรจาเกิดขึ้นที่เกาะเชจู ประเทศเกาหลีใต้ หลังการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค (APEC) ครั้งที่ 31 และสะท้อนความตั้งใจของทั้งสองประเทศในการรักษาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการลงทุนให้มั่นคงต่อไป
การเจรจานี้เป็นผลสืบเนื่องจากการพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่าง เหวียน ห่ง เยียน รัฐมนตรีพาณิชย์เวียดนาม และ เจมิสัน เกรียร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ เมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการเปิดฉากการเจรจาอย่างเป็นทางการ โดยสหรัฐฯ ระบุว่าพอใจกับแนวทางและข้อเสนอในปัจจุบันของเวียดนาม และหวังว่าการเจรจาทางเทคนิคในอีกไม่กี่วันข้างหน้าจะได้ผลลัพธ์ที่ดี
ทั้งนี้ สหรัฐฯ ชะลอการบังคับใช้ภาษีดังกล่าวไปจนถึงเดือนก.ค. โดยหากมีการบังคับใช้จริง อาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจเวียดนาม ซึ่งมีดุลการค้าเกินดุลกับสหรัฐฯ สูงถึง 1.235 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปีที่ผ่านมา ดังนั้นเวียดนามจึงได้เร่งดำเนินมาตรการเพื่อลดการเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ เช่น ลดภาษีสินค้าหลายรายการที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ และคุมเข้มการส่งต่อสินค้าจากจีนผ่านเวียดนามไปยังสหรัฐฯ