อาซาฮี กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (Asahi Group Holdings) ผู้ผลิตเครื่องดื่มรายใหญ่ของญี่ปุ่น แถลงในวันนี้ (27 พ.ย.) ว่า การรายงานผลประกอบการประจำปีคาดว่าจะล่าช้าออกไปกว่า 50 วัน หลังระบบภายในถูกโจมตีทางไซเบอร์ครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 29 ก.ย. นอกจากนี้ จากการตรวจสอบพบว่า ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าและพนักงานประมาณ 2 ล้านราย อาจรั่วไหลจากเซิร์ฟเวอร์ภายในประเทศ
อัตสึชิ คัตสึกิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า ผลกระทบระยะสั้นต่อผลกำไรในญี่ปุ่นหลีกเลี่ยงไม่ได้ พร้อมขอโทษต่อความไม่สะดวกที่เกิดจากความล่าช้าในห่วงโซ่อุปทาน และยืนยันว่าจะประกาศวันเปิดเผยผลประกอบการใหม่ เมื่อกำหนดวันเรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ดี อาซาฮีได้รายงานผลประกอบการบางส่วนในช่วง 9 เดือนที่สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. ปรากฏว่า ยอดขายในยุโรปลดลง 3% เมื่อเทียบรายปี ขณะที่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกโต 3.1% โดยทั้งสองภูมิภาคไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุโจมตีไซเบอร์
ขณะที่ข้อมูลยอดขายเบียร์เดือนต.ค.ในญี่ปุ่น ซึ่งเปิดเผยเมื่อต้นเดือนนี้ แสดงให้เห็นว่า อาซาฮีมียอดขายลดลงเกือบ 10% เมื่อเทียบรายปี ขณะที่คู่แข่งอย่าง คิริน โฮลดิ้งส์ (Kirin Holdings) เติบโตสูงถึง 19%
ทั้งนี้ การแถลงขอโทษดังกล่าวนับเป็นครั้งแรกหลังเกิดเหตุการณ์โจมตีทางไซเบอร์จนทำให้ระบบภายในของบริษัทล้มเหลวเมื่อเดือนก.ย. โดยการโจมตีทางไซเบอร์ครั้งนี้ส่งผลให้ระบบภายในสำคัญของอาซาฮีที่ใช้จัดการคำสั่งซื้อและการจัดส่งสินค่าล่ม ทำให้บริษัทต้องดำเนินธุรกรรมด้วยระบบแมนนวลแทนระบบอัตโนมัติ ส่งผลให้กระบวนการชะลอตัว และเปิดโอกาสให้คู่แข่งเข้ามาชิงส่วนแบ่งตลาดได้มากขึ้น
คัตสึกิชี้แจงว่า บริษัทไม่ได้จ่ายเงินค่าไถ่ใด ๆ พร้อมกับเสริมว่า บริษัทคาดว่าจะกลับรับคำสั่งซื้อและจัดส่งสินค้าได้ตามปกติในเดือนธ.ค. หลังระบบกลับมาทำงานตามปกติ และตั้งเป้าฟื้นฟูการขนส่งและโลจิสติกส์ครบวงจรภายในเดือนก.พ.