รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศคว่ำบาตรผู้พิพากษาศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) จำนวน 4 รายเมื่อวันพฤหัสบดี (5 มิ.ย.) โดยอายัดทรัพย์สินในสหรัฐฯ และสั่งห้ามเดินทางเข้าสหรัฐฯ เพื่อตอบโต้การที่ ICC สอบสวนข้อกล่าวหาอาชญากรรมสงครามที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่อิสราเอลและบุคลากรของสหรัฐฯ
มาตรการนี้ถูกวิจารณ์จาก ICC และองค์กรสิทธิมนุษยชนบางแห่งว่าอาจเป็นการแทรกแซงอิสรภาพของกระบวนการยุติธรรม และสะท้อนความตึงเครียดอย่างต่อเนื่องระหว่างสหรัฐฯ กับศาลโลก
มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า การคว่ำบาตรนี้มุ่งเป้าไปยังผู้พิพากษา 4 ราย ได้แก่ ไรน์ อาลาปินี-กันซู (เบนิน), เบตี โฮห์เลอร์ (สโลวีเนีย), ลูซ เดล การ์เมน อิบาเญซ การันซา (เปรู) และโซโลมี บาลุงกี บอสซา (ยูกันดา) เนื่องจากมีบทบาทในการอนุมัติการสอบสวนกรณีพันธมิตรของสหรัฐฯ
อาลาปินี-กันซู และโฮห์เลอร์ ได้อนุมัติหมายจับเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล และโยอาฟ กัลลันต์ อดีตรัฐมนตรีกลาโหม กรณีการปฏิบัติการในฉนวนกาซา ขณะที่อิบาเญซ การันซา และบอสซา มีบทบาทในการตรวจสอบพฤติกรรมของทหารสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถาน
การคว่ำบาตรครั้งนี้มีขึ้นภายใต้คำสั่งฝ่ายบริหารของทรัมป์เมื่อวันที่ 6 ก.พ. ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการใช้มาตรการลงโทษต่อ ICC ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2545 ตามธรรมนูญกรุงโรมที่มี 125 ประเทศให้สัตยาบัน โดยมีหน้าที่อิสระในการสอบสวนและตัดสินคดีอาชญากรรมสงครามและฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
ทาง ICC เรียกการคว่ำบาตรนี้ว่าเป็น "ความท้าทายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน" ต่อภารกิจขององค์กร พร้อมระบุว่างานของศาลเป็นผลสืบเนื่องจากความพยายามระดับโลกในการจัดการกับอาชญากรรมร้ายแรง ขณะที่นักวิเคราะห์กฎหมายจากสถาบันบรูกกิงส์ (Brookings Institution) ชี้ว่า การกระทำของสหรัฐฯ ครั้งนี้อาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศในเวทีระหว่างประเทศ โดยเฉพาะต่อการมีส่วนร่วมกับองค์กรพหุภาคี