แหล่งข่าวด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์เปิดเผยวันนี้ (8 ต.ค.) ว่า กลุ่มแฮกเกอร์ได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์โจมตีทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้นกับบริษัทอาซาฮี กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (Asahi Group Holdings) ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มรายใหญ่ของญี่ปุ่น เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแฮกเกอร์ระบุว่าได้จารกรรมข้อมูลพนักงานและเอกสารภายในบริษัท
คิลิน (Qilin) กลุ่มอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่มีชื่อเสียงจากการโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ (ransomware) ได้กล่าวอ้างการกระทำดังกล่าวผ่านโพสต์บนดาร์กเว็บว่า ทางกลุ่มได้จารกรรมไฟล์ของบริษัทประมาณ 9,300 ไฟล์ หรือข้อมูลราว 27 กิกะไบต์
ด้านอาซาฮี กรุ๊ป ระบุว่า กำลังดำเนินการสอบสวนเหตุโจมตีดังกล่าว และปฏิเสธที่จะเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม รวมถึงการติดต่อกับกลุ่มแฮกเกอร์ด้วยหรือไม่
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า อาซาฮี กรุ๊ป ได้รายงานการถูกโจมตีด้วยมัลแวร์เรียกค่าไถ่เมื่อวันที่ 29 ก.ย. ที่ผ่านมา ส่งผลให้ระบบภายในบริษัทล่ม จนต้องหยุดการผลิตในหลายโรงงานภายในประเทศ และเลื่อนการวางจำหน่ายสินค้าบางรายการออกไป
บริษัทระบุเมื่อวันจันทร์ (6 ต.ค.) ว่า ได้กลับมาเปิดดำเนินการที่โรงงานผลิตเบียร์ภายในประเทศแล้ว อย่างไรก็ตาม จนถึงวันนี้ ยังไม่แน่ชัดว่าระบบจะกลับมาทำงานได้เต็มรูปแบบเมื่อใด เนื่องจากการจัดส่งเบียร์และสินค้าอื่น ๆ ยังคงได้รับผลกระทบ
ยูกิมิ โซตะ จากบริษัทพรูฟพอยต์ (Proofpoint) ผู้ให้บริการด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์สัญชาติสหรัฐฯ สาขาญี่ปุ่น เปิดเผยว่า กลุ่มแฮกเกอร์มักใช้กลยุทธ์สองทางเพื่อบีบให้เหยื่อยอมจ่ายค่าไถ่ข้อมูล โดยระบุว่า "แฮกเกอร์อาจไม่สามารถรีดเงินค่าไถ่จากอาซาฮีได้โดยตรงผ่านการเจรจา จึงพยายามเพิ่มแรงกดดันด้วยการเปิดเผยเอกสารบางส่วนออกมา"
ทั้งนี้ กลุ่ม คิลิน ซึ่งเชื่อว่ามีฐานปฏิบัติการอยู่ในรัสเซีย ได้ก่อเหตุโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ในหลายประเทศทั่วโลกตั้งแต่ปี 2565 โดยแรนซัมแวร์เป็นมัลแวร์ประเภทหนึ่งที่เข้ารหัสข้อมูลและทำให้ไม่สามารถเข้าถึงได้ จนกว่าจะมีการจ่ายเงินค่าไถ่เพื่อปลดล็อกข้อมูล