เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังของสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันพุธ (11 ม.ค.) ว่า รายได้จากการส่งออกน้ำมันของรัสเซียลดลง เนื่องจากชาติตะวันตกกำหนดเพดานราคาส่งออกน้ำมันของรัสเซีย และจะขยายไปถึงการกำหนดเพดานราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันประเภทอื่น ๆ ของรัสเซีย ขณะที่ยุโรปอยู่ในสถานะที่ดีในการจัดการการกดดันด้านราคา
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า กลุ่มประเทศ G7 รวมไปถึงสหภาพยุโรปและออสเตรเลียจะขยายการคว่ำบาตรรัสเซียอันเนื่องมาจากสงครามในยูเครนด้วยการกำหนดเพดานราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันรัสเซีย เช่น น้ำมันเบนซิน และน้ำมันดีเซลในวันที่ 5 ก.พ. หลังจากกำหนดเพดานราคาน้ำมันรัสเซียไว้ที่ 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลสำหรับการขายน้ำมันดิบผ่านการขนส่งทางทะเลในช่วงปลายปีที่ผ่านมา
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวผ่านทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ว่า รัสเซียกำลังสูญเสียเม็ดเงินรายวันจำนวนมากจากการกำหนดเพดานราคาดังกล่าว
"ในทุก ๆ ดอลลาร์ที่รัสเซียสูญเสียไป หมายถึงเม็ดเงินที่พวกเขาได้รับน้อยลงสำหรับการใช้พยุงเศรษฐกิจหรือลงทุนในยุทโธปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ในการต่อสู้สงครามที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายกับยูเครน" เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังสหรัฐกล่าว
ด้านนายอเล็กซานเดอร์ โนวัก รองนายกรัฐมนตรีรัสเซียกล่าวเมื่อวันพุธ (11 ม.ค.) ว่า ผู้ผลิตน้ำมันในประเทศไม่ได้ประสบปัญหาใด ๆ ในการส่งออกน้ำมัน แม้ว่าชาติตะวันตกจะคว่ำบาตรและกำหนดเพดานราคาน้ำมันของรัสเซียก็ตาม
อย่างไรก็ตาม นายโนวักยอมรับว่าปัญหาหลักสำหรับน้ำมันของรัสเซียก็คือ ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ลดลงอย่างมาก และค่าขนส่งที่แพงขึ้น