เครื่องบินรบอิสราเอลเปิดฉากโจมตีทางอากาศอย่างหนักในเมืองอัลฮุดัยดะฮ์ของเยเมนเมื่อวันจันทร์ (5 พ.ค.) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 ราย และบาดเจ็บอีก 42 ราย อ้างอิงข้อมูลจากหน่วยงานสาธารณสุขภายใต้การควบคุมของกลุ่มฮูตี
การโจมตีดังกล่าวสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ ทั้งท่าเรือ สนามบิน และโรงงานหลายแห่ง ถือเป็นการยกระดับความตึงเครียดในภูมิภาคอย่างมีนัยสำคัญ เพียงหนึ่งวันหลังจากกลุ่มติดอาวุธฮูตีเพิ่งอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุยิงขีปนาวุธใกล้สนามบินเบนกูเรียนของกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล ซึ่งส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ 8 ราย
สถานีโทรทัศน์อัล-มาซิราห์ (al-Masirah TV) ซึ่งเป็นสื่อในเครือของกลุ่มฮูตีรายงานว่า มีการโจมตีทางอากาศถึง 48 ครั้ง มุ่งเป้าไปที่เมืองท่าอัลฮุดัยดะฮ์ สนามบิน โรงงานปูนซีเมนต์ และฐานที่มั่นทางทหารทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมือง ขณะที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขฝ่ายฮูตีระบุว่า ผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บประกอบด้วยคนงานในโรงงานและชาวบ้านในเขตบาจิลที่อยู่ใกล้เคียง
ขณะเดียวกัน ชาวบ้านในพื้นที่ให้ข้อมูลกับสำนักข่าวซินหัวว่า โครงสร้างพื้นฐานที่ท่าเรือได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง รวมถึงส่วนที่ใช้ขนถ่ายสินค้า และโรงงานเอกชนหลายแห่งก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน มีรายงานการพบเห็นกลุ่มควันหนาทึบลอยขึ้นเหนือเมือง และชาวบ้านระบุว่าการโจมตีครั้งนี้ส่งผลให้การใช้ชีวิตประจำวันแทบหยุดชะงัก
ด้านกองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) ได้ออกแถลงการณ์ยืนยันปฏิบัติการดังกล่าว ระบุว่ามีการใช้เครื่องบินรบประมาณ 20 ลำ พร้อมด้วยอาวุธนำวิถีความแม่นยำสูง 50 ลูก โจมตีเป้าหมายของกลุ่มฮูตีตลอดแนวชายฝั่งตะวันตกของเยเมน ซึ่ง IDF นิยามว่าเป็น "โครงสร้างพื้นฐานของระบอบก่อการร้ายฮูตี" ปฏิบัติการนี้มีระยะห่างจากอิสราเอลประมาณ 1,700 กิโลเมตร
กลุ่มฮูตีอ้างว่าการโจมตีที่อัลฮุดัยดะฮ์เป็นการปฏิบัติการร่วมกันระหว่างสหรัฐฯ กับอิสราเอล อย่างไรก็ตาม แถลงการณ์ของ IDF ไม่ได้กล่าวถึงการมีส่วนร่วมของสหรัฐฯ แต่อย่างใด
IDF ชี้แจงว่าการโจมตีดังกล่าวเป็นการ "ตอบโต้การโจมตีซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยระบอบฮูตีต่อรัฐอิสราเอล" โดยอ้างอิงถึงเหตุการณ์โจมตีด้วยขีปนาวุธและโดรนที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
การโจมตีที่อัลฮุดัยดะฮ์ส่งผลกระทบโดยตรงต่อท่าเรือ ซึ่งถือเป็นเส้นทางลำเลียงหลักสำหรับสินค้า ยา และเชื้อเพลิง ไปยังประชาชนหลายล้านคนในพื้นที่ควบคุมของกลุ่มฮูตี การโจมตีครั้งนี้จึงสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมที่เปราะบางอยู่แล้วในเยเมนเลวร้ายลงไปอีก
ขณะเดียวกัน มีรายงานอีกด้านจากอัล-มาซิราห์และแหล่งข่าวท้องถิ่นว่า เครื่องบินรบสหรัฐฯ ก็โจมตีทางอากาศอย่างน้อย 20 ครั้งในวันจันทร์ ใส่ฐานที่มั่นฮูตีในกรุงซานา เมืองหลวงของเยเมน รวมถึงเมืองมะอ์ริบและเมืองอัลเญาฟ์ทางตอนเหนือ แต่ยังไม่มีความเห็นจากกองบัญชาการกลางสหรัฐฯ (CENTCOM)
ความรุนแรงระลอกใหม่นี้ปะทุขึ้นหลังกลุ่มฮูตีเพิ่งอ้างว่ายิงขีปนาวุธใส่ใกล้สนามบินเบนกูเรียนเมื่อวันอาทิตย์ (4 พ.ค.) ซึ่งทำให้มีผู้บาดเจ็บ 8 ราย และการดำเนินงานของสนามบินต้องหยุดชะงักไปชั่วขณะ โดยเจ้าหน้าที่อิสราเอลก็ยอมรับว่า ระบบป้องกันขีปนาวุธพยายามสกัดหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ
ฝ่ายฮูตีระบุว่า การโจมตีดังกล่าวเป็นไปเพื่อตอบโต้ที่อิสราเอลถล่มกาซา ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ก็ประกาศกร้าวว่าจะตอบโต้อย่างหนัก รวมถึงเล่นงานอิหร่านที่หนุนหลังกลุ่มฮูตีด้วย
ทั้งนี้ กลุ่มฮูตีที่คุมพื้นที่ส่วนใหญ่ทางเหนือของเยเมน รวมถึงกรุงซานาและเมืองอัลฮุดัยดะฮ์ ได้ยิงขีปนาวุธและโดรนใส่อิสราเอลและเรือในทะเลแดงมาหลายครั้งในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยอ้างว่าทำไปเพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ และจะทำต่อไปจนกว่าอิสราเอลจะยุติการรุกรานกาซา และเปิดทางให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าถึงได้เต็มที่